เรื่องราวเกิดขึ้นที่บ้านสองไร่ เวียงโกศัย ปีพุทธศักราชสองพันสี่ร้อยสี่สิบหก
นางหล้าเป็นที่นั่งผี นางตายไปแล้วทั้งที่มีชีวิตอยู่
นางยอมให้วิญญาณของภูตผีเข้าสิงสู่ร่าง เพื่อบอกเล่าความลับหลังความตาย
นางเชี่ยวชาญในไสยเวทย์และเวทย์มนตร์คาถา
ทั้งฝังรูปฝังรอยและเพรียกเรียกขวัญ ผีที่ตายไปแล้วนางหล้ายังเรียกให้กลับมาเป็นคน
นางเป็นลูกเลี้ยงของขุนระพี
นางควรได้ครอบครองเรือนปั้นหยาสีเขียวโศกของพ่อเลี้ยง
แต่นางกลับถูกจองจำวิญญาณไว้ในศาลเพียงตา
ถ้าศาลนี้ยังอยู่ วิญญาณของนางจะถูกกักขังเอาไว้ชั่วนิรันดร์
หากศาลเพียงถูกทำลายลงวันใด
วิญญาญของนางหล้าจะออกมาทวงคืนเรือนปั้นหยา
สมบัติที่ควรเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว
ความเชื่อเรื่องผียังคงฝังแน่นอยู่ในบางสังคม อาอรเขียนนิยายเรื่องนี้ตามทัศนคติและความเชื่อที่หยั่งรากอยู่ในสังคมของภาคเหนือ การนับถือผีบรรพบุรุษมีมานานก่อนศาสนาพุทธจะเดินทางเข้ามายังแคว้นสุวรรณภูมิด้วยซ้ำ ดังนั้น ความเชื่อเรื่องผีจึงฝังแน่นอยู่ในจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้ง
อาอรศึกษาจากข้อมูล รวมทั้งสอบถามจากผู้รู้ รวมทั้งผู้ที่มีความใกล้ชิดกับความเชื่อนี้ความเชื่อบางอย่าง เช่น เรื่องคาถาอาคม ปัจจุบันแม้จะเลือนหายไปเกือบหมด แต่ยังคงมีผู้ที่ศึกษาเรื่องนี้อยู่ และกำลังจะกลายเป็นมรดกอันมีค่า
อาอรอยากให้นักอ่านทุกท่าน อ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยความพิจารณา คิดและใคร่ครวญด้วยเหตุผลของท่านเอง อาอรเขียนนิยายเรื่องนี้เพื่อเสนอความบันเทิง ไม่มีเจตนาจะพาดพิงถึงผู้ใดผู้หนึ่งทั้งสิ้น หากมีข้อผิดพลาดประการใด อาอรขอน้อมรับเอาไว้ทุกประการค่ะ
เรือนนาง
๑๒ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๗
หลังเที่ยงคืน
อาอร
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น